Jeducation Travel พาไปแนะนำเส้นทางสายมูกันต่อที่ Power Spot ชื่อดังของอิบารากิ “Oiwa Shrine” หรือศาลเจ้าโอะอิวะ ชาวอิบารากิเชื่อว่า หากใครได้มานมัสการแล้วจะได้รับพลังและโชคลาภกลับมา ที่นี่จึงเป็นศาลเจ้าที่ผู้คนนิยมมาเยือนกันเป็นจำนวนมากค่ะ เชื่อกันว่า ภูเขาโออิวะ (Mt. Oiwa) เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าทวยเทพอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณ บริเวณศาลเจ้าห้อมล้อมด้วยป่าใหญ่ จึงอบอวลไปด้วยบรรยากาศและพลังจากธรรมชาติอันลึกลับ นับเป็นอีก Power Spot ที่จะทำให้ได้รับพลังจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ทีมงาน Jeducation Travel ขอแนะนำว่า หากจะมาสักการะศาลเจ้าแห่งนี้ ให้มาเช้าซักนิด เพื่อที่จะได้ซึมซับความสงบได้เต็มที่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวยังบางตา ถ่ายรูปได้สวยเลยค่ะ จากภาพพวกเราไปถึงศาลเจ้าในเวลา 8:30 น. ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน อากาศอยู่ที่ราว 10 กว่าองศา แต่เพราะห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ป่าเขา ทำให้อากาศยามเช้าแบบนี้หนาวเย็นค่ะ และแสงอาทิตย์ยามเช้าแบบนี้ก็สวยมาก สายถ่ายรูปก็ห้ามพลาดค่ะ หลังจากเราเดินขึ้นเขาไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อลงมาถึงบริเวณทางเข้า สำนักงานของศาลเจ้าก็เปิดแล้ว (เปิดตั้งแต่ 9 โมงค่ะ) เราก็มาขอ Goshuin ได้เลย รวมถึงใครที่อยากซื้อเครื่องรางกลับบ้าน ต้องบอกว่าเครื่องรางของศาลเจ้าโอะอิวะแห่งนี้ มีให้เลือกเยอะและน่ารักมากเลยค่ะ
Category Archives: Column
บทความ
Kasama Inari Shrine (笠間稲荷神社) เป็นศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในเมือง Kasama ในจังหวัด Ibaraki ของประเทศญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปีค.ศ. 651 ถือเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น รองจากศาลเจ้า Fushimi Inari จังหวัดเกียวโต และศาลเจ้า Yutoku Inari จังหวัดซากะ ศาลเจ้านี้มีความสำคัญและมีประวัติยาวนานในวงการศาสนาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากว่า 1,350 ปี มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะถึงปีละ 3.5 ล้านคน Kasama Inari Shrine มีเทพเจ้า Ukanomitama ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าลำดับขั้นสูงสุดสถิตย์อยู่ ถูกเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว โชคลาภ การค้าขาย และการประมง พวกเราขับรถมาจากแถว Oarai ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมงก็ถึงเมือง Kasama ค่ะ แต่การเดินทางมาที่ศาลเจ้าไม่ยาก เพียงแค่นั่งรถไฟ สาย JR Mito มาลงที่สถานี Kasama แล้วนั่งรถบัสต่อใช้เวลาประมาณ
พูดถึงจังหวัดทตโตริ ประเทศญี่ปุ่น อาจจะเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยเท่าไร แต่หากพูดถึง “การเดินทางท่องเที่ยวด้วยจักรยาน” แล้ว ทตโตริจะเป็นจังหวัดที่ทำให้ทุกคนสัมผัสธรรมชาติอย่างภูเขาและทะเลไปพร้อมกันได้อย่างเต็มที่ บทความนี้ พวกเราขอนำเสนอทตโตริอันสวยงามที่ได้พบผ่านการปั่นจักรยาน ให้ทุกท่านได้รู้จักจังหวัดนี้ให้มากยิ่งขึ้นครับ Cycling Course ◆ จุดเริ่มต้น San-in Kaigan Geopark Sea and Earth Nature Museum (คลิกดูแผนที่) ◆ จุดหมาย ชายหาด Miho-wan (คลิกดูแผนที่) ◆ ระยะทาง ประมาณ 190 กิโลเมตร ทตโตริเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องไตรกีฬา เส้นทางการปั่นจากฝั่งตะวันออกไปตะวันตกของจังหวัด เรียกว่า “Tottori Uminami course” คนญี่ปุ่นที่ชอบปั่นจักรยาน หรือการวิ่งนั้น มักจะมาเยือนที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไฮไลต์ของคอร์สนี้ มีทั้งหมด 3 จุดด้วยกันครับ Highlight 1 : Daisen Road เส้นทางสู่ภูเขาไดเซน พอเห็นรูปแล้วหลายๆท่านอาจจะคิดว่าเป็นภูเขาไฟฟูจิ ถ้าคิดแบบนั้นคงไม่แปลกอะไรครับ เพราะ
ถ้าได้ยินว่าที่พักชื่อ 夢の家 : yume no ie หรือ Dream House บ้านความฝัน เพื่อนๆ จะจินตนาการว่าเป็นที่พักแบบไหนคะ ชื่อออกจะโรแมนติกขนาดนี้ หลายๆ คนน่าจะนึกภาพของบ้านพักน่ารักๆ สวยๆ หรือแฟนตาซีชวนฝันไปเลยก็เป็นได้ แต่ Dream House แห่งนี้ เป็น Art Project หนึ่งในผลงานศิลปะของ Marina Abramović ศิลปินหญิงชาวเซอร์เบีย ชื่อดังระดับโลก เธอบอกว่า “I want you to dream. You must dream in order to face yourself.” ฉะนั้น มันไม่ใช่แค่ที่พักธรรมดา มันเป็นงานศิลปะเชียวนา แต่ขอโทษ…อย่าหาว่าไม่สุภาพเลยนะคะ มันโคด ตะ ระ แหวกแนวสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ ก่อนอื่นขอเล่าถึงที่มาที่ไปกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าผู้เขียนเพี้ยน อยู่ดีไม่ว่าดีจะพาไปนอนในโลง
ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่มีเวลาว่างจากการเรียนหนังสือ ก็ต้องออกไปเปิดหูเปิดตาเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกห้องเรียนกันด้วยค่ะ อาทิตย์นี้ขอพาเพื่อนๆ ไปสโลว์ไลฟ์ สัมผัสชีวิตธรรมชาติของชาวบ้าน ๆ ออกไปเที่ยว หมู่บ้าน อิเนะ นอกเมืองเกียวโตกันนะคะ เมื่อพูดถึงเกียวโต ส่วนใหญ่ก็คงนึกถึงวัดวาอาราม ศาลเจ้าต่าง ๆ หรือถนนเก่าๆ สถานที่ทางศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่วันนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ไปเที่ยวหมู่บ้านเล็กๆ น่ารัก ริมอ่าว ดูเหมือนไม่มีอะไรมากมาย แต่ได้ชื่อว่าเป็น 日本で最も美しい村 ( nihon de mottomo utsukushii mura) หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ที่เกียวโตค่ะ Ine (伊根町)เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ริมทะเลชายฝั่งทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโตค่ะ ความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ก็คือ 舟屋 : funaya : boathouse ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ริมน้ำรอบอ่าวถึง 230 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ด้วยค่ะ ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่เพียงแค่ประมาณ 2500 คนเท่านั้น อาชีพหลักของชาวบ้านคือการทำประมง ถ้าเรานั่งรถมาทางถนน สองฝั่งข้างทางก็ดูเป็นบ้านเรือนปรกตินั่นล่ะค่ะ มีประตูทางเข้าบ้านเหมือนบ้านเรือนธรรมดา แต่บ้านที่อยู่ฝั่งติดทะเล ก็จะมีทางเข้าบ้านโดยการนั่งเรืออยู่อีกด้านหนึ่งด้วย การจะเที่ยวชมบ้านเรือนริมน้ำก็ทำได้หลายวิธีค่ะ